วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ส่วนตัวๆๆๆ

ชื่อ นางสาวศศิธร แสงแพง ชื่อเล่น โบว์ อายุ 21 ปี คณะ สัตวแพทยศาสตร์และสัตวศาสตร์ สาขา สัตวศาสตร์(AS)ชั้นปีที่ 3 รหัสนิสิต 50011810510
สร้างกริตเตอร์
ฟังเพลง ดารา เกมส์

อาหารที่ชอบ

มาม่า ก๋วยเตี๋ยว กระเพรา ไข่เจียว
สร้างกริตเตอร์
ฟังเพลง ดารา เกมส์

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

งานอดิเรก

อ่านการ์ตูน ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์




สร้างกริตเตอร์ ฟังเพลง ดารา เกมส์

วันเกิด

18 Novamber 1988
สร้างกริตเตอร์
ฟังเพลง ดารา เกมส์

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

จบจาก

โรงเรียนกาญจนาภิเษก วิทยาลัย ชัยภูมิ

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

งานปีใหม่ที่ขอนแก่น



เย็นวันที่ 31 ธค. ปี 2552 ที่ ขอนแก่น ได้จัดงาน เฉลิมฉลองศักราชใหม่ขึ้น ในปีนี้จัดยิ่งใหญ่มักมาก โดยจัดที่บริเวณ สี่แยก ประตูเมือง ระหว่าง ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ติดกับ เซนทรัลพลาซ่า.........
ชาวขอนแก่นได้สัมผัสบรรยากาศ รถติดเหมือนชาว กทม.ยังไงยังงั้นเลย.......ทันสมัยมาก
ปิดถนนตั้งแต่แยก เซนทรัลพลาซ่า ไปถึง ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง......
-ด้านข้างมีซุ้มสวยงามให้ผู้คนได้เก็บภาพสวย
-ส่วนด้านบนมีไฟโยงประดับเป็นแพ ระหว่างด้านบนถนนสองฟาก

-น้ำพุเจ็ดสี และสวนดอกไม้ ถูกเนรมิตรขึ้นมากลางสี่แยกใหญ่สวยงามมักมากขอบอก ค่ะ
-อีกซีกของบริเวณงาน ประดับไฟเป็นแพยาว อยู่ด้านบน ของถนน
-บรรยากาศที่บริเวณเซนทรัลด้านข้างฝั่งทางด้านศาลหลักเมือง ต้นคริสมาส สูงใหญ่ประดับไฟสวยงามมากๆ























http://dek-d.com/board/view.php?id=1552837

งานวันครูที่ โรงเรียนบ้านคอนเมือง



โรงเรียนบ้านคอนเมือง โดยท่านผู้อำนวยการธนยศ ปะเสทะกัง ได้นำคณะครูโรงเรียนบ้านคอนเมืองเข้าร่วมกิจกรรมวันครู ประจำปี 2553 ที่อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา.....

โรงเรียนบ้านคอนเมือง โดยท่านผู้อำนวยการธนยศ ปะเสทะกัง ได้นำคณะครูโรงเรียนบ้านคอนเมืองเข้าร่วมกิจกรรมวันครู ประจำปี 2553 ที่อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งในงานมีกิจกรรมทำบุญเลี้ยงพระ กิจกรรมบูชาครู มอบโล่รางวัลครูดีเด่น ครูดีในด
วงใจ ซึ่งในกิจกรรมวันครู ประจำปี 2553 นายธนยศ ปะเสทะกัง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคอนเมือง ได้รับรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์แก่วิชาชีพครูดีเด่น โดยนายอำเภอคงประธานในพิธีเป็นผู้มอบรางวัล ในช่วงบ่ายเป็นกิจกรรมการแข่งขันกีฬาสัมพันธ์ เขตคุณภาพคง1 - คง5 และในช่วงเย็นเป็นกิจกรรมพบปะสังสรรค์ ระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพครู ส่วนราชการอื่นๆ ภาครัฐและเอกชน
http://www.nma6.obec.go.th/korat6/view.php?article_id=3991

ความหมายของวันครู



ความหมายของครู

ครู หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอน ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ

ความสำคัญของครู

ในชีวิตของคนเราถือว่า บิดามารดา เป็นผู้มีพระคุณอันสูงสุด ครูเป็นผู้มีพระคุณคล้าย บิดามารดา คือ เป็นผู้อบรมสั่งสอนถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ รวมทั้งให้ความรัก ความเมตตาต่อศิษย์ทุกคน นับได้ว่าครูเป็นผู้เสียสละที่ไม่แพ้บุพการี ครูจึงนับเป็นปูชนียบุคคลที่มีความสำคัญอย่างมาก ในการให้การศึกษาเรียนรู้ ทั้งในด้านวิชาการ และประสบการณ์ ตลอดเป็นผู้มีความเสียสละ ดูแลเอาใจใส่ สั่งสอนอบรมให้เด็กได้พบกับแสงสว่างแห่งปัญญา ฉะนั้นวันที่ 6 ตุลาคม จึงได้เป็นวันครูสากล เพื่อคนที่เป็นครูทั่วโลกที่เสียสละนำพาเราทุก ๆคน ไปถึงฝั่งฝันนั่นเอง

ประวัติความเป็นมา

วันครู ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ.2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภา เป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกัน ก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครู และครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้ และความสามัคคีของครู
พ.ศ.2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป.พิบูล สงคราม นายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า

"ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูควรมีสักวันหนนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพสักการะต่อวันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง"

จากแนวความคิดนี้ กอปรกับความเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่นๆ ที่ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ให้มีวันครูเพี่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพจารย์ ส่งเสริมความสามัคคีธรรมระหว่างครูและพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน

คณะมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ให้วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็น "วันครู" โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2488 เป็นวันครู และให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าว
ที่มา http://entertain.tidtam.com/data/12/0035-1.html

ลาบหมู






ส่วนผสมลาบหมู

-เนื้อหมูส่วนสันในสับ 2 ถ้วย
-น้ำมะนาว6ช้อนโต๊ะ
-ตับหมูต้มหรือนึ่งสุกหั่นชิ้นบาง100กรัม
-หอมแดงซอย2ช้อนโต๊ะ
-น้ำปลา2ช้อนโต๊ะ
-พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น1/2ช้อนชา
-ข้าวคั่วป่นหรือขนมปังอบป่น2ช้อนโต๊ะ
-ต้นหอมหั่นท่อนสั้น 2ช้อนโต๊ะ
-ผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
-ใบสะระแหน่1/2ถ้วย
-พริกขี้หนูแห้งทอด4เม็ด
-ผักกาดขาวสำหรับรองถ้วย
-ผักสด เช่น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักชี ต้นหอม


วิธีทำอาหาร ลาบหมู

1. ขยำหมูสับกับมะนาว 4 ช้อนโต๊ะในชามให้เข้ากันดี จึงบีบเอาน้ำออก
ใส่ถ้วย เทน้ำหมูที่บีบใส่ลงในกระทะตั้งไฟกลางพอเดือด ใส่หมูสับ
ผัดรวนพอสุก ปิดไฟตักใส่อ่างผสมใส่ตับหมู ตามด้วยหอมแดง
(แบ่งไว้โรยหน้าเล็กน้อย) เคล้าพอทั่ว
2. ปรุงรสด้วยน้ำมะนาวที่เหลือน้ำปลา ใส่พริกป่น ข้าวคั่วหรือขนมปังป่น
เคล้าให้เข้ากัน ใส่ต้นหอมผักชีและใบสะระแหน่ เคล้าพอทั่ว
3. ตักใส่ถ้วยที่รองด้วยผักกาดขาวโรยหอมแดงซอยที่แบ่งไว้
พริกขี้หนูแห้งทอด วางผักสดชนิดต่าง ๆ เสิร์ฟ


น้ำพริกปลาทู




เครื่องปรุง
1. ปลาทู 2 ตัว
2. หอมแดง 100 กรัม
3. กระเทียมเป็นหัว 60 กรัม
4. พริกชี้ฟ้าเขียว 100 กรัม
5. น้ำมะนาว 5-6 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำปลา 3-4 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. นำปลาทูสด ล้างให้สะอาด ควักไส้ออก ย่างไฟให้สุกจนหอมได้ที่ จากนั้นนำปลาทูมาแกะเนื้อออกพักไว้
2. นำหอม กระเทียม และพริกชี้ฟ้า เผาไฟให้หอม เมื่อได้ที่นำลงพักไว้ ส่วนพริกชี้ฟ้าให้แกะเปลือกออก
3. นำหอม กระเทียม และพริกชี้ฟ้าที่เตรียมไว้โขลกให้ละเอียด จากนั้นใส่เนื้อ
ปลาทูลงไปโขลกต่อให้เข้ากัน
4. เมื่อเข้ากันแล้ว ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาล ชิมรสตามใจชอบ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
5. จัดเสิร์ฟพร้อมผักสด หรือจะเป็นผักต้มก็ได้ตามแต่ใจชอบ











ห่อหมกหยวกกล้วย






เครื่องปรุง
เนื้อปลา 300 กรัม
น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
กะทิ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
ผักกาดขาว 5 ใบ
แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
ผักชี 1 ต้น
พริกสด 2 เม็ด
ใบมะกรูด 3-4 ใบ


วิธีทำ
1. นำเนื้อปลามาแล่เป็นชิ้นบางๆ ซับน้ำให้แห้ง พักไว้
2. นำกะทิประมาณ 1 ถ้วยมาใส่ในชามผสม (แบ่งหัวกะทิไว้ในถ้วยเล็ก ¼ ถ้วย) ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดลงไป คนจนน้ำพริกละลายเข้ากันดี
3. ใส่ปลาลงไป คนทางเดียวไปเรื่อยๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน คนไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมข้น ค่อยๆ เติมกะทิที่เหลือลงไปจนหมด
4. ตอกไข่ใส่ลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) และน้ำตาลทราย แล้วคนให้เข้ากัน
5.เตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ใส่น้ำเปล่าลงไปในหม้อ ระหว่างนั้น นำผักกาดขาวมาซอยหยาบๆ พอนำเดือดก็ใส่ลงไปในหม้อ รอจนน้ำเดือดอีกครั้งก็เทน้ำออก
6. บีบน้ำผักกาดขาวออกให้หมดแล้วนำไปรองก้นถ้วย ตักส่วนผสมใส่ลงไปจนเกือบเติมถ้วย จัดเรียงลงในที่นึ่งแล้วนึ่งไปประมาณ 30 นาที
7. นำหัวกะทิที่แบ่งไว้มาใส่แป้งข้าวเจ้าลงไป คนให้เข้ากันแล้วนำไปเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาทีกะทิจะข้นขึ้นแล้วนำมาคนอีกครั้งหนึ่ง
8. นำผักชี พริกสด และใบมะกรูดมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วเด็ดผักชีเป็นใบๆ ซอยพริกเป็นเส้นๆ ส่วนใบมะกรูดฉีกก้านกลางใบออกแล้วหั่นเป็นฝอยๆ
9. เมื่อนึ่งครบ 30 นาที ราดหน้าแต่ละถ้วยด้วยหัวกะทิที่เตรียมไว้ โรยด้วยผักชี ใบมะกรูดหั่นฝอย และพริกซอย นึ่งต่อไปอีกประมาณ 2 นาที ก็ปิดเตาและยกลงได้


ส้มตำอีสาน






ส้มตำ เป็นอาหารที่คนอีสานชอบและกิน กินกับข้าวเหนียวหรือกินเล่นๆ ก็ได้ คนภาคอีสานและภาคเหนือเรียกว่า ตำส้ม การทำส้มตำทำง่ายๆ คือ
ส่วนผสม
-มะละกอสับ 400 กรัม
-น้ำปรุงส้มตำ 120 กรัม
-ถั่วฝักยาว 80 กรัม
-มะเขือเทศ 120 กรัม
-พริกขี้หนู 5 กรัม
-กุ้งแห้ง 25 กรัม
-กระเทียม 8 กรัม
-น้ำมะนาว 20 กรัม
วิธีทำ
-โขลก พริก และกระเทียมพอแหลก
-ใส่มะละกอ ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ กุ้งแห้ง โขลกพอให้มะละกอช้ำนิดหน่อย
-ใส่น้ำปรุงส้มตำ และแต่งรสเปรี้ยวด้วยน้ำมะนาวอีกเล็กน้อย รับประทานกับผักสด เช่น กะหล่ำปลี ผักบุ้งไทย ถั่วฝักยาว


วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

E-Commerce คือ



การดำเนินธรุกิจการค้าหรือการซื้อขายบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เนต โดยผู้ซื้อ (Customer) สามารถดำเนินการ เลือกสินค้า คำนวนเงิน ตัดสินใจซื้อสินค้า โดยใช้วงเงินในบัตรเครดิต ได้โดยอัตโนมัติ ผู้ขาย (Business) สามารถนำเสนอสินค้า ตรวจสอบวงเงินบัตรเครดิตของลูกค้า รับเงินชำระค่าสินค้า ตัดสินค้าจากคลังสินค้า และประสานงานไปยังผู้จัดส่งสินค้า โดยอัตโนมัติ กระบวนการดังกล่าวจะดำเนินการเสร็จสิ้นบนระบบเครือข่าย Internet



ข้อดี
1.เปิดดำเนินการค้า 24 ชั่วโมง
2.ดำเนินการค้าอย่างไร้พรมแดนทั่วโลก
3.ใช้งบประมาณลงทุนน้อย

4.ตัดปัญหาด้านการเดินทาง
5.ง่ายต่อการประชาสัมพัธ์โดย สามารถประชาสัมพันธ์ได้ทั่วโลก



ข้อเสีย
1.ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ
2.ประเทศของผู้ซื้อและผู้ขายจำเป็นต้องมีกฎหมายรองรับอย่างมีประสิทธิภาพ
3.การดำเนินการด้านภาษีต้องชัดเจน
4.ผู้ซื้อและผู้ขายจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานในเทคโนโลยีอินเทอร์เนต

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

ความหมายของ E-Commerce





E-Commerce ย่อมาจาก Electronic Commerce หรือที่เรียกว่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การประกอบธุรกิจการค้าผ่านสื่ออีเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โทรสาร โทรทัศน์ หรือ คอมพิวเตอร์
ซึ่งเป็นช่องทางที่มีความสำคัญที่สุดในปัจจุบัน โดยมีระบบอินเตอร์เน็ตเป็นสือกลางในการเชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้ขายให้สามารถทำการค้ากันได้
ประเภท และรูปแบบ
E-Commerce สามารถแบ่งได้หลายลักษณะ ที่รู้จักกันทั่วไป มี 3 ประเภท คือ
B - To - C ย่อมาจาก Business to Business เป็นการซื้อขายสินค้าระหว่างธุรกิจด้วยกันเอง เช่น ผู้ผลิตขายส่งให้กับพ่อค้าคนกลางเป็นธุรกิจนำเข้า - ส่งออก ชำระเงินผ่านระบบธนาคารด้วยการเปิด L/C
B - To -C ย่อมาจาก Business to Consumer เป็นการขายปลีกให้กับผู้บริโภค ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ส่วนใดของโลกชำระเงินผ่านระบบบัตรเครดิต การขายแบบนี้จะเข้ามาแทนที่การขายแบบ Direct Mail
C - To - C ย่อมาจาก Consumer to Consumer เป็นการขายปลีกระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภคหรือผู้ใช้อินเตอร์เน็ตด้วยกัน เช่น การขายซอฟต์แวร์ที่ตนพัฒนาขึ้นมา หรือการประมูลของที่ใช้แล้ว

ประวัติวิวัฒนาการอีคอมเมิร์ซ





การค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้นเริ่มขึ้นบนโลกครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2513 ซึ่งได้มีการเริ่มใช้ระบบโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเอฟที (EFT = Electronic Fund Transfer) แต่ในขณะนั้นมีเพียงบริษัทขนาดใหญ่และสถาบันการเงินเท่านั้นที่ใช้งานระบบโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ต่อมาอีกไม่นานก็เกิดระบบการส่งเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีดีไอ (EDI = Electronic Data Interchange) ซึ่งสามารถช่วยขยายการส่งข้อมูลจากเดิมที่เป็นข้อมูลทางการเงินอย่างเดียวเป็นการส่งข้อมูลแบบอื่นเพิ่มขึ้น เช่น การส่งข้อมูลระหว่างสถาบันการเงินกับผู้ผลิต หรือผู้ค้าส่งกับผู้ค้าปลีก เป็นต้น
หลังจากนั้นก็มีระบบสื่อสารรวมถึงโปรแกรมอื่นๆ เกิดขึ้นมากมายตั้งแต่ระบบที่ใช้ในการซื้อขายหุ้นจนไปถึงระบบที่ช่วยในการสำรองที่พัก ซึ่งเรียกได้ว่าโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคของการสื่อสาร และเมื่อยุคของอินเตอร์เนตมาถึงเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2533 จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เนตก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การค้าอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้เกิดขึ้น เหตุผลที่ทำให้ระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์เติบโตอย่างรวดเร็วคือโปรแกรมสนับสนุนการค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมามากมาย รวมถึงระบบเครือข่ายด้วย พอมาถึงประมาณปี พ.ศ. 2537 – 2542 ก็ถือได้ว่าระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์หรืออีคอมเมิร์ซก็เป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมอย่างมากและรวดเร็ว ซึ่งวัดได้จากการที่มีบริษัทต่างๆ ในอเมริกาได้ให้ความสำคัญและเข้าร่วมในระบบอีคอมเมิร์ซอย่างมากมาย